สติปัฏฐาน 4 ที่ตั้งของสติ, การตั้งสติกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นตามความเป็นจริง คือ ตามที่สิ่งนั้นๆ มันเป็นของมัน
- กายานุปัสสนา การตั้งสติกำหนดพิจารณากายให้รู้เห็นตามเป็นจริง ว่า เป็นเพียงกาย ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเรา ท่านจำแนกปฏิบัติไว้หลายอย่าง คือ
- อานาปานสติ กำหนดลมหายใจ
- อิริยาบถ กำหนดรู้ทันอิริยาบถ
- สัมปชัญญะ สร้างสัมปชัญญะในการกระทำความเคลื่อนไหวทุกอย่าง (ความรู้ชัด, รู้ชัดสิ่งที่นึกได้, ตระหนัก, เข้าใจชัดตามความเป็นจริง)
- ปฏิกูลมนสิการ พิจารณาร่างกายแยกออกเป็นส่วนๆ โดยความเป็นของน่าเกลียด เป็นสิ่งปฏิกูล ไม่น่ารักใคร่ และไม่ควรยึดมั่นถือมั่น โดยขจัดความหลงงมงายในความสวยงามของร่างกาย พร้อมทั้งเปิดเผยให้เห็นความสกปรกภายใน
- ธาตุมนสิการ เป็นการปฏิบัติกัมมัฏฐานโดยใช้จตุธาตุววัฏฐาน เป็นการพิจารณาโดยความเป็นธาตุ ๔ ประกอบไปด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุลม ให้เห็นว่าร่างกายนี้เป็นเพียงสักแต่ว่าธาตุมาประชุมกันเท่านั้น มีความแปรปรวนเป็นนิตย์ ไม่มั่นคง ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกฎไตรลักษณ์ กล่าวคือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตลอดเวลา
- นวสีวถิกา พิจารณาซากศพในสภาพต่างๆ อันแปลกกันไปใน 9 ระยะเวลา ให้เห็นคติธรรมดาของร่างกาย ของผู้อื่นเช่นใด ของตนก็จักเป็นเช่นนั้น
- เวทนานุปัสสนา การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา ให้รู้เห็นตามเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเรา คือ มีสติรู้ชัดเวทนาอันเป็นสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี เฉยๆ ก็ดี ทั้งที่เป็นสามิส และเป็นนิรามิสตามที่เป็นไปอยู่ในขณะนั้นๆ
- จิตตานุปัสสนา การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต ให้รู้เห็นตามเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงจิต ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเรา คือ มีสติรู้ชัดจิตของตนที่มีราคะ ไม่มีราคะ มีโทสะ ไม่มีโทสะ มีโมหะ ไม่มีโมหะ เศร้าหมองหรือผ่องแผ้ว ฟุ้งซ่านหรือเป็นสมาธิ ฯลฯ อย่างไรๆ ตามที่เป็นไปอยู่ในขณะนั้นๆ
- ธัมมานุปัสสนา การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม ให้รู้เห็นตามเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเรา คือ มีสติรู้ชัดธรรมทั้งหลาย ได้แก่ ไตรลักษณ์, นิวรณ์ 5, ขันธ์ 5, อายตนะ 12, โพชฌงค์ 7, อริยสัจ 4 ว่าคืออะไร เป็นอย่างไร มีในตนหรือไม่ เกิดขึ้น เจริญบริบูรณ์ และดับไปได้อย่างไร เป็นต้น ตามที่เป็นจริงของมันอย่างนั้นๆ