ลองของ

เหตุเกิดที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง

เมื่อแรกที่ได้เห็นหลวงตาสรวงอายุ 82ปี บวชมา 2 พรรษา บรรพชาอุปสมบทที่วัดในจังหวัดยโสธร ท่านห้อยลูกประคำเม็ดโตพวงใหญ่และใช้ไม้เท้าค้ำยันเวลาเดิน ดูจากภายนอกท่านดูเหมือนเป็นพระเกจิอาจารย์ ได้ทราบภายหลังว่าลูกประคำนั้นลูกชายซื้อถวายใช้นับเวลานั่งสมาธิ ส่วนไม้เท้าท่านต้องใช้เพราะเพิ่งจะไปผ่าตัดหัวเขามา หลวงตาได้แวะมาเยี่ยมพระสุเมโธที่วัดในจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามคำแนะนำจากพระเพื่อนที่จำพรรษาด้วยกัน หลังได้จำวัดที่นครศรีธรรมราชเป็นเวลา 1เดือน ท่านปรารถณาไปเยี่ยมชมวัดในต่างอำเภอ เพื่อเรียนรู้ขบบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาวบ้านในพื้นที่ชนบท จึงได้ชักชวนพระสุเมโธเดินทางไปวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุงที่ได้ชื่อว่าเป็นวัดผีดุ

ในช่วงบ่ายได้เดินทางไปถึงวัด เจ้าอาวาสและชาวบ้านได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ท่านเจ้าอาวาสจัดเตรียมให้เข้าพักในกุฏิหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จจำนวน 2 หลัง รอบกุฏิปลูกต้นไม้ใหญ่ดูสงบร่มเย็น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ซึ่งหลวงตาสรวงชอบมา

ตกเย็นได้มีญาติโยมที่รู้จักจากอำเภอใกล้เคียงแวะเอากิ่งต้นตะขบที่เต็มไปด้วยหนามมาให้ 2กิ่ง บอกไว้แต่เพียงว่าที่นี่ผีดุ ให้เอาไว้กันผี

คืนแรกผ่านพ้นไป ไม่รู้ว่าหลวงตาสรวงนอนหลับฝันดีหรือไม่ พอถึงเวลาบิณฑบาตรท่านก็แวะมาหาที่กุฏิได้บอกเพียงว่า

“หลวงพ่อเมื่อคืนมีผีผู้หญิงมาขอให้ช่วย บอกว่าเธอนั้นถูกฝังอยู่ใต้เมรุร้างที่สร้างยังไม่เสร็จ ถูกฝังพร้อมพระภิกษุรูปหนึ่ง ให้ช่วยปลดปล่อยเธอด้วย”หลวงตาสรวงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเสมือนว่าเป็นเรื่องปกติ

”เป็นไปได้เหรอครับหลวงตา เดี๋ยวจะลองถามชาวบ้านที่ดูแลวัดหลังจากฉันเช้าแล้ว”พระสุเมโธพูดใบหน้ากลับแสดงความสงสัย

ชาวบ้านชื่อสนิท ผู้ดูแลวัดนำอาหารเช้ามาถวายแก่พระภิกษุเป็นประจำทุกวัน หลังจากสนทนากับท่านจึงได้ทราบว่าท่านเป็นคนสร้างวัดแห่งนี้ ท่านและลูกๆดูแลวัด และพอถึงช่วงก่อนเข้าพรรษาท่านจะมีหน้าที่นิมนต์พระภิกษุมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้

”โยมที่วัดแห่งนี้เคยมีพระที่อยู่ดีๆแล้วหายตัวไปหรือไม่?”พระสุเมโธถามขึ้น

”มีครับหลวงพี่ หลายสิบปีก่อนมีอดีตเจ้าอาวาส ภายหลังจากรับกฐินแล้วได้หายตัวไป สืบทราบข่าวว่าท่านเอาเงินกฐินไปแทงหวย  โดยหวังว่าจะนำเงินที่ได้มาก่อสร้างเมรุ ปรากฏว่าท่านแทงหวยไม่ถูก และได้บอกกับชาวบ้านว่าจะไปหาเงินที่บ้านเกิดมาใช้คืน”ชาวบ้านกล่าว

”ที่ถามไปก็เพราะมีข้อสงสัย หลวงตานิมิตว่ามีผีผู้หญิงมาให้ช่วย”พระสุเมโธได้เล่าเรื่องที่หลวงตาได้นิมิตให้แก่ชาวบ้านฟัง

”ไม่เคยมีครับหลวงพ่อ หลวงตาท่านคิดไปเองหรือปล่าวครับ”ชาวบ้านปฏิเสธเมื่อได้ฟังข้อมูล

ชาวบ้านผู้ดูแลวัดพูดคุยกับพระอยู่สักพักหนึ่ง

”ที่ตากแดดไว้หน้ากุฏิใช้หนามตะขบหรือป่าวครับหลวงพ่อ ผมอยากได้สักชิ้นหนึ่งครับเอาไว้กันผี”ชาวบ้านถาม เมื่อหลวงพ่ออนุญาติชาวบ้านจึงเดินไปหยิบแล้วกราบลาพระ

‘จะเอาไปทำอะไร คงไม่ใช่พวกเล่นของ?’พระสุเมโธคิด

หลังจากสวดมนต์ทำวัตรเย็น ก่อนจะจำวัดพระสุเมโธได้นั่งสมาธิทุกวัน วันนี้จิตใจไม่สงบมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง กินยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ปวดท้องแต่กลับหาสาเหตุไม่ได้ เมื่อระลึกถึงกิ่งไม้ตะขบข้างตัว จึงหยิบขึ้นมาประนมมือถือกิ่งไม้ตะขบระลึกถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ได้ช่วยปลดปล่อยสิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ออกไปจากร่างกาย

พระสุเมโธนำกิ่งไม้ตะขบปัดผ่านหน้าท้อง 4-5ครั้ง เมื่อรู้สึกได้ว่าอาการปวดท้องหายไปจึงหยุด ท่านไม่ได้คิดอะไรดูเสมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ภายหลังจากนั้นท่านก็ล้มตัวลงนอน

เช้าของวันใหม่อากาศสดชื่นทีเดียววันนี้ หลวงตาสรวงบอกว่าวัดแห่งนี้เป็นสถานที่สัปปายะเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม

บ่ายแล้ววันนี้ผู้ดูแลวัดยังไม่เข้ามา เมื่อถามท่านเจ้าอาวาสจึงได้รู้ว่าไม่สบาย สนทนากับท่านเจ้าอาวาสจึงได้รู้ว่าตัวท่านธุดงค์ผ่านมา ขอจำวัดกับชาวบ้านหนึ่งคืนชาวบ้านยินดีต้อนรับ ชาวบ้านหลายๆคนนิมนต์ให้หลวงพ่อจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ซึ่งหลวงพ่อก็ไม่ขัดศรัทธาของญาติโยม ภายหลังการสนทนาก็แยกย้ายกลับกุฏิ

ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง! เสียงปืนดังขึ้นที่หน้าวัด หลวงตาสรวงตกใจเดินมาชวนกันไปถามเจ้าอาวาสว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านเจ้าอาวาสแจ้งว่ามีชาวบ้านยิงปืนหน้าวัด 5นัด แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิง

”กลับวัดกันเถอะหลวงพ่อ ผมว่ามันไม่ปลอดภัยถ้ายังอยู่ที่นี่”หลวงตาสรวงพูด น้ำเสียงดูตื่นกลัว พระสุเมโธก็เห็นชอบด้วย ด้วยกังวลในความปลอดภัยของหลวงตาสรวงเช่นกัน และได้ชวนกันไปกราบลาท่านเจ้าอาวาส และได้ทราบข้อมูเพิ่มเติมเกี่ยวกับอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งความจริงแล้วท่านไม่ได้ยักยอกเงินกฐินวัด แต่สาเหตุที่ท่านอยู่วัดนี้ไม่ได้เพราะชาวบ้านสงสัยว่าท่านอดีตเจ้าอาวาสพาผู้หญิงมาอยู่ด้วยกันในวัด จึงถูกชาวบ้านขับไล่ออกจากวัด ข่าวที่รู้มาท่านก็ไม่แน่ใจว่าจริงเท็จประการใด

”กลับวัดกันเถอะหลวงตา” พระสุเมโธพูดขึ้นหลังจากรถของลูกศิษย์ขับเข้ามาจอดหน้ากุฏิ

ภายหลังกลับวัดได้สามวันได้โทรหาหลวงพ่อเจ้าอาวาส ได้ทราบว่าท่านได้ออกจากวัดแล้ว โดยมีเจตนารมณ์ที่จะเดินเท้าเปล่าไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงขออนุโมทนาสาธุกับท่านด้วย

‘พระผู้มีกิเลสก็ยังอาศัยอุปทานในการแก้ปัญหา

ตราบใดที่สัจจธรรมยังไม่ปรากฏ มนุษย์ทุกคนจำต้องอยู่กับอุปทาน’